วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

คำสั่งเกี่ยวกับการจัดการต่างๆ


คำสั่งเกี่ยวกับการจัดไฟล์
1. ls - แสดงไฟล์และไดเร็กทอรีย่อย
2.cd -เปลี่ยนไปยังไดเร็กทอรี
3.pwd-แสดงไดเร็กทอรีในปัจจุบัน
4.file -ใช้ระบุประเภทของแฟ้มข้อมูล
5.mv -เป็นคำสั่งสำหรับการเปลี่ยนชื่อไฟล์หรือไดเร็ค
6.mkdir -ใช้สำหรับสร้างไดเร็คทอรี่
7.Rm - คำสั่งสำหรับการลบไฟล์
8.rmdir -เป็นคำสั่งสำหรับการลบไดเร็คทอรี่
9.chown -เป็นการเปลี่ยนเจ้าของไฟล์
10.chgrp -เป็นการเปลี่ยนกลุ่มเจ้าของไฟล์

คำสั่งเกี่ยวกับการจัดการโปรเซส
1.ps-แสดงโปรเซสทั้งหมด
2.kill-เป็นคำสั่งสำหรับยกเลิก Process
3.fg-
4.bg-
5.jobs-เป็นคำสั่งสำหรับกำหนดควบคุม การรับส่ง

คำสั่งสำรองข้อมูล
1.Tar- คำสั่งเพื่อการ backup และ restoreไฟล์
2.Gzip-เป็นการบีบอัดไฟล์หรือขยายบีบอัดไฟล์
3.Gunzip-เป็นการบีบอัดไฟล์หรือขยายบีบอัดไฟล์

คำสั่งเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร
1.telnet-
2.ftp-เป็นโปรแกรมรับ-ส่งไฟล์
3.lynx-
4.mesg-
5.ping-
6.write-ใช้เพื่อส่งข้อมูลทางเดียวจากผู้เขียนไปถึงผู้รับบนเครื่องเดียวกันเท่านั้น

คำสั่งอื่นๆ
1.at-
2.cdpio-
3.bc- คำสั่งเรียกใช้โปรแกรมคำนวณเลขของระบบ
4.basename-
5.last-
6.crontab-
7.Dd-
8.Du-
9.dirname-
10.ln-
11.Env-
12.Eject-
13.Exec-
14.Free-แสดงหน่วยความจำที่เหลืออยู่บนระบบ
15.Groups-
16.hostname-คำสั่งแสดงชื่อเครื่องที่ใช้อยู่
17.Lp-
18.mount-
19.Mt-
20.Nice-
21.Nohup-
22.Netstat-
23.Od-
24.Pr-
25.Df-เป็นการตรวจสอบการใช้พื่นที่บนฮาร์ดดิสก์
26.printf-
27.Df-เป็นการตรวจสอบการใช้พื่นที่บนฮาร์ดดิสก์
28.Printenv-
29.Pg-
30.Quota-
31.rlogin-

วิธีการใช้ adobe captivate 3

วิธีการใช้ adobe captivate 3

ทำความรู้ จัก Adobe Captivate 3.0

โปรแกรม Adobe Captivate 3.0 เป็นผลิตภัณฑ์น้องใหม่จากค่าย Adobe ที่ถูกพัฒนาขึ้น มาเพื่อสนับสนุนการสร้าง Movie ในรูปแบบสื่อเรียนรู หรือสื่อการนำเสนอแบบมัลติมีเดีย เช่น การนำเสนอผลงาน

การจับหน้าจอภาพเพื่อนำไปสร้างสื่อเรียนรู้ การสร้างสื่อจากข้อมูลต่างๆ การสร้างแบบทดสอบ รวมไปถึงการตัดต่อวิดีโอเพื่อใช้สำหรับงานนำเสนอหรือผลิตสื่อเรียนรู้โดยโปรแกรม Adobe Captivate 3.0 เป็นโปรแกรมที่ใช้สร้างชิ้นงานได้ง่ายและเร็ว

จุดเด่นของโปรแกรม Adobe Captivate3.0

- สร้างสื่อเรียนรู้ หรือสื่อนำเสนอมัลติมีเดียได้อย่างง่ายดาย

- ตัดต่อวิดีโอได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว

- สร้างสื่อเรียนรู โดยการจับหน้าจอภาพ (Screen capture movie) อัดเสียงบรรยายประกอบ

- เหมาะสำหรับการนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน

- สร้างแบบทดสอบได้ง่าย และมีแบบทดสอบให้เลือกทำได้หลายรูปแบบ

- นำเข้าไฟล์จากแหล่งต่างๆ ได้หลากหลาย ไฟล์จาก Adobe flash ไฟล์รูปภาพ (Image) เช่น JPG,BMP, GIF ไฟล์เสียง (Sound) เช่น MP3, WAVเสียงบรรยายผ่านไมโครโฟน ไฟล์วิดีโอ (Video) เช่น AVIสไลด์จากโปรแกรม Microsoft Power Point (.PPT)

- ส่งออกไฟล์ได้หลายรูปแบบFlash movie File (.swf) ลักษณะเช่นเดียวกับโปรแกรม Adobe FlashHTML File (.html) สำหรับการนำไปใช้กับเว็บไซต์ EXE File (.exe) สำหรับการนำไปใช้แบบ Stand alone คือการแสดงผล โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม Adobe captivate และ zip file สำหรับบทเรียนในแบบ scorm เพื่อนำเข้าไปใช้ในบทเรียนออนไลน์

ความต้องการของระบบ

- Microsoft Windows หรือ Windows XP

- 600 MHz Intel Pentium III Processer หรือ เทียบเท่า

- 128 MB of Ram ถ้าจะให้ดีต้องใช้ที่ 256 MB

- พื้นที่ว่างของฉาร์ดดิสด์อย่างน้อย 200 MB

- ความละเอียดของจอ SVGA

การเรียกใช้งาน Adobe Captivate 3.0

คลิกที่ Start, Programs, Adobe, Adobe Captivate 3

ส่วนประกอบหน้าจอแรกของโปรแกรม Adobe Captivate

Open a recent project แสดงไฟล์ล่าสุดที่เคยบันทึกไว ในโปรแกรม เปิดไฟล์ที่เคยบันทึกไวRecord new project (สำหรับการเริ่มต้นใช้งานแนะนำให้ใช้งานตรงส่วนนี้) สำหรับสร้าง projectบันทึก movie (จับหน้าจอภาพ)

Getting started tutorials แนะนำขั้นตอนการสร้าง Project ด้วยโปรแกรม Adobe Captivate เริ่มตั้งแต่การบันทึก การแก ไขตกแต่ง การส่งออก การนำเข้าไฟล์เสียงการสร้างส่วน ตอบโต้ การใส่ลูกเล่นเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ตามลำดับ

เริ่มต้นใช้งาน Adobe Captivate 3.0

เป็นที่ทราบกันแล้วว่าจุดเด นของโปรแกรม Adobe Captivate 3.0 มีความสามารถในการ สร้างMovie ได้หลากหลายรูปแบบ เริ่มแรกให้คลิกที่ Record or create a new project จะ ปรากฏหน้าต่าง Newproject optionsSoftware Simulation หมายถึงว่าจะเป็นการจำลองการจับหน้าจอภาพตามที่เรากระทำ โปรแกรมจะทำการเก็บภาพหน้าจอตามที่เรากระทำกับ Mouse หรือกระทำอื่นใดกับจอภาพ ในส่วนที่โปรแกรมให้เราเลือกจากรายการที่กำหนด มีหลักการทำงาน ดังนี้

- Application สำหรับการ Capture movie ทั้งหน้าจอภาพ ของโปรแกรมที่เรา ต้องการจะทำการบันทึกการทำงานของหน้าจอ

- Custom size สำหรับการ Capture movie แบบกำหนดขนาดหน้าจอภาพได้

- Full Screen สำหรับการ Capture movie ทั้งหน้าจอภาพ

การสร้างผลงานสื่อการเรียนการสอนด้วยโปรแกรม Captivate รวมถึงการสร้าง Movies ควรเริ่มต้นโดยวางแผนการสร้างภาพเคลื่อนไหว (Movie) โดยออกแบบ Storyboards, Scripts หรือใน รูปแบบอื่น

ตั้งค่าเริ่มต้นการใช้งานในการจับจอภาพเคลื่อนไหว (Movie preferences)

บันทึกภาพเคลื่อนไหว ที่กระทำกับจอภาพ การคลิกกับวัตถุใด ๆ บนจอภาพ โปรแกรมจะ บันทึกไว1 สไลด์ ในการคลิกแต่ละครั้ง หรือจะนำเข้าไฟล์ภาพเคลื่อนไหวก็ได้ เพิ่มข้อความ รูปภาพ เสียง ข้อความเคลื่อนไหว และรายละเอียดส่วนอื่น ๆ แก ไขปรับปรุง Timeline ทดลองดูภาพเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นกำหนดเงื่อนไขในการสร้าง E-Learning และสร้างสไลด์คำถามใน (เติมคำในช่องว่าง, แบบเหมือน,จับคู , ตัวเลือก, ตอบสั้นๆ ,ถูกผิด)

เลือกจัดเก็บรูปแบบในการเผยแพร่ (Publish)

จัดเก็บและเผยแพร่ ในลักษณะไฟล์ฟอร์แมต EXE

จัดเก็บและเผยแพร่ ในลักษณะไฟล์ฟอร์แมต Flash และ เรียกใช้โดย HTML

จัดเก็บและเผยแพร่ ในลักษณะไฟล์ฟอร์แมต zip เพื่อใช่เป็น SCORM

จัดเก็บและเผยแพร่ ในลักษณะไฟล์ฟอร์แมต Word หรือ Handout (คู มือการใช้ งาน)

จัดเก็บและเผยแพร่ ไปบนเว็บไซต์ ด้วย FTP ส่ง Movie โดยใช้ E-mail

การสร้างภาพเคลื่อนไหวด้วยโปรแกรม Adobe Captivate 3.0 Step by Step

Step 1 คลิกที่ Record or create a new project

Step 2 จะปรากฏหน้าต่าง New movie options

ให้คลิกที่ Record or create a new project

เมนูการใช้งาน New Project Options

Software Simulation ใช้สำหรับจับภาพการเคลื่อนไหวของหน้าจอภาพ แสดงออกมา

ในรูปแบบของสถานการณ์จำลองApplication สำหรับการจับภาพของหน้าต่างที่เปิดใช้งานอยู่ (Active window) Custom size สำหรับการจับภาพหน้าจอที่กำหนดขนาดของขอบเขตได้ Full Screen สำหรับการจับภาพทั้งจอภาพ

Demonstration หมายถึง โปรแกรมจะจับหน้าจอตามการกระทำที่เกิดขึ้น มีการ เคลื่อนไหวของเมาส์ มีกรอบโต้ตอบกับผู้เรียน Assessment Simulation โปรแกรมจะบังคับให้ผู้เรียนกระทำตามที่ได้บันทึกหน้าจอไว เช่นถ้ามีการบันทึกการคลิกเมาส์ไว เมื่อเล่นมาจนถึงช่วงที่ต้องคลิกเมาส์โปรแกรมจะหยุด เล่นจนกว่าจะมีการคลิกเมาส์และหากคลิกผิดที่จะมีกล่องข้อความขึ้นมาบอกว่าต้องคลิก ที่ใด เมื่อผู้เรียนคลิกเมาส์ถูกต้อง โปรแกรมจะเล่นต่อไปจนกว่าจะมีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นTraining Simulation หมายถึงการจับหน้าจอแบบการฝึกอบรม โปรแกรมจะทำการบันทึก หน้าจอทั้งหมด เมื่อมีการเล่นโปรแกรมจะแสดงกล่องข้อความโต้ตอบให้ผู้เรียนทำตาม การบันทึกหน้าจอแบบนี้เหมาะสำหรับสอนการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั้งนี้สามารถ บันทึกเสียงบรรยายไปพร้อมกันได้ด้วยCustom โปรแกรมจะให้เราเข้าไปกำหนดค่าในการบันทึกได้ด้วยตนเองและสามารถแก้ไข ได้อีกในภายหลัง

การ Capture movie หน้าจอภาพเป็นการใช้งานที่น่าสนใจมากทีเดียว เพราะสามารถ นำไปใช้เป็นสื่อเรียนรู แบบมัลติมีเดีย ที่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี ซึ่งขั้นตอนการ Capture movie หน้าจอภาพทำ

ได้ดังนี้

1. คลิก Start, Programs, Macromedia, Adobe Captivateเลือกโปรแกรมที่จะสร้างสื่อ

2. คลิก Record or create a new movie จะปรากฏหน้าต่าง New movie options

3. คลิก Full screen เพื่อ Capture movie ทั้งหน้าจอภาพ

4. คลิก OKMonitor แสดงสถานะจอภาพที่กำลังใช้งานRecord narration เป็นการบันทึกเสียงบรรยายพร้อมๆ กับการ Screen capture movieRecording size บอกขนาดการ Capture movie หน้าจอภาพOptions… เป็นการปรับแต่งเพิ่มเติม ปกติจะใช้ค่าที่โปรแกรมกำหนดมาให้Record เมื่อกดปุ่มนี้จะเป็นการเริ่มบันทึกการ Capture movie หน้าจอภาพ

5. คลิกปุ ม Record เพื่อเริ่มบันทึก การ Capture movie หน้าจอภาพ

6. กดปุ ม บนแป้นพิมพ์เมื่อสิ้นสุดการ Capture

7. ปรากฏสไลด์ Movie (Movie Frame) ซึ่งจำนวนสไลด์จะขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่คลิก เมาส์เช่น หากมีการคลิกเมาส์ 10 ครั้งก็จะได้จำนวนสไลด์เท่ากับ10 สไลด์ หรือ 10 เฟรม สไลด์Movie (Movie Frame)

8. คลิกปุ ม Edit เพื่อแก ไขสไลด์

9. การปรับแต่ง Timelineปกติแต่ละสไลด์จะมีค่า Timeline อยู่ที่ 4 วินาที ในรูปข้างล่างจะเป็น Slide 4(4.0s)สามารถปรับแต่งเพิ่มหรือลดค่า Slide Timeline ได้วัตถุที่วางบนสไลด์จะวางเรียงกันเป็นเลเยอร์(Layer) ถ้าต้องการปรับแต่ง Timeline วัตถุใดก็ให้คลิกที่วัตถุนั้นแล้วลากซ้ายขวาคลิกแล้วลากเพื่อปรับแต่ง Timeline โปรแกรมจะสร้างข้อความให้อัตโนมัติ สามารถดับเบิลคลิกเพื่อแก้ไขข้อความได้

10. การแก้ไขข้อความในสไลด์ปกติโปรแกรมจะสร้างข้อความในสไลด์ให้อัตโนมัติ เราสามารถแก ไขข้อความได้ โดยดับเบิลคลิกแล้วแก้ไขข้อความ เมื่อต้องการแก้ไขข้อความภายใน Text Caption ให้ดับเบิลคลิกก็จะสามารถแก้ไขข้อความได้

11. การลบสไลด์การลบสไลด์ทำได้โดยคลิกสไลด์ที่ต้องการลบ แล้วกดปุ ม บนแป้นพิมพ์

12. การเพิ่มสไลด์ จุดประสงค์เพื่อทำสไลด์ไตเติลการเพิ่มสไลด์ทำได้โดยคลิกที่เมนู Insert, Blank Slide หลังจากเพิ่มสไลด์เราก็ สร้าง Textanimation เป็นสไลด์ไตเติลก่อนที่จะเข้าเนื้อหาเมื่อได้ Slide แล้วให้นำขึ้นไปเป็นสไลด์แรก แล้วจึงแทรก Text animation

13. การใส่สีพื้นหลังให้กับสไลด์การใส่สีพื้นหลังให้กับสไลด์ทำได้โดยคลิกที่เมนู Slid, Properties…เลือกสีพื้น หลัง สีพื้นหลังที่เลือก Text animation

14. การดูผลงานสไลด์ Movieการดูสไลด์ Movie ทำได้โดยคลิกที่ปุ ม Preview เช่นเลือก Preview In Web Browserสไลด์จะโชว์เป็นภาพเคลื่อนไหวตามลำดับสไลด์ เมื่อดูผลงานเสร็จแล้วให้คลิกปุ ม Close แล้วบันทึกไฟล์เก็บไว เพื่อแก ไขใน ภายหลัง

15 การบันทึกไฟล์โปรแกรม Adobe Captivateการบันทึกไฟล์โปรแกรม Adobe Captivate คือการเก็บ ไฟล์ที่เราสร้างไว เพื่อประโยชนสำหรับการแก ไขในภายหลัง โดยโปรแกรม Adobe Captivate มีนามสกุลไฟล์ *.CP โดยวิธีการบันทึกให้ ไปที่เมนู File, Save หรือคลิกปุ ม Save บน Main Tools Bar

การสร้างงานด้วย Blank Project

การสร้าง Blank Project เมื่อตกลงจะได้หน้าใหม่ให้ตั้งค่าต่างๆดังนี้User defined กำหนดขนาดตามความต้องการ เช่น ตัวอย่างเลือกขนาด 800 x 600Preset size กำหนดขนาดตามความละเอียด (Resolution) ของจอภาพการสร้าง Movie ด้วยวิธีนี้จะอาศัยเครื่องมือที่อยู่ด้านล่างช่วยสร้างเครื่องมือที่สำคัญที่นิยมใช้กันดังนี้

การสร้าง Text Animation

คลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Text Animation ปรากฏหน้าต่าง New text Animation เลือก TextAnimationEffect เลือกรูปแบบการแสดงผลข้อความText พิมพ์ข้อความที่ต้องการChange font… เปลี่ยนรูปแบบ ขนาด หรือสีของตัวอักษร

ค่าของ Options

ค่าของ Audio

การสร้าง Caption หรือสร้างหนังสือทั่วไปเมื่อสร้างสไลด์ใหม่แล้ว คลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Caption ปรากฏหน้าต่าง New text CaptionTiming กำหนดเวลาการแสดงผลของ Movie Loop คลิกถูกที่ Loop กำหนดให้เล่นวนซ้ำTransition กำหนด Effect ในการเปลี่ยนฉากแต่ละสไลด์ (Frame)Record new… กำหนดการบันทึกเสียงจากไมโครโฟน

Import… นำเข้าไฟล์เสียง เช่น MP3, WAVSettings การกำหนดค่าของเสียงที่บันทึก เลือกไมโครโฟนCaption type กำหนดลักษณะรูปแบบของ CaptionFont…รูปแบบตัวหนังสือ ส่วนค่า option และ Audio จะมีลักษณะเหมือนกับ การสร้าง text

Animation

การสร้าง Rollover Captionเป็นการสร้างหนังสือในรูปแบบที่เมื่อแสดงผลโดยการลากเมาส์ผ่านจุดที่กำหนดจึงจะปรากฏหนังสือออกมาให้เห็น เริ่มสร้างโดยคลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Rollover Caption ปรากฏหน้าต่าง RolloverCaptionCaption type กำหนดลักษณะรูปแบบของCaptionFont…รูปแบบตัวหนังสือ ส่วนค่า option และ Audio จะมีลักษณะเหมือนกับ การสร้าง text Animation

การสร้างปุ่มควบคุม

โดยคลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Button ปรากฏหน้าต่าง

การแทรก Text Entry

Text Entry ใช้แทรกเพื่อทำกิจกรรมในระหว่างเรียนหรือเป็นการทดสอบความสามรถของนักเรียนซึ่งเป็นการเติมคำในช่องว่าง มีขั้นตอนดังนี้

1. สร้างคำถามด้วย Caption

2. เลือกไอคอน Text Entry บนจอภาพจะเกิดกรอบโต้ตอบใหม่ขึ้นมา

3. เลือกตำแหน่งแล้วปรับ Text Entry ให้เหมาะสม

4. เปลี่ยน Type success text here โดยดับเบิลคลิก แล้วเป็น ถูกต้อง

5. เปลี่ยน Type failure text hereโดยดับเบิลคลิก แล้วเป็น ผิดให้ตอบใหม่

6. แทรก Bottom ควบคุม

7. จัด Time Line ให้เหมาะสมการแทรกรูปภาพ (image)โดยคลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Image ปรากฏหน้าต่างใหม่ให้เลือกรูปภาพที่จะแทรกเมื่อเลือกรูปภาพแล้วถ้าหากภาพมีขนาดใหญ่จะมีหน้าต่างให้ Crop รูปภาพ .ให้ได้ขนาดพอดีกับพื้นที่ที่กำหนด ถ้าเลือก Resize จะทำให้ขนาดของภาพปรับลดขนาดลงให้พอดีกับพื้นที่กำหนดImage กำหนดขนาดของภาพหรือเปลี่ยนภาพใหม่ จาก Importการแทรกรูปภาพในลักษณะ Rollover imageโดยคลิกที่ Object Tools ที่ชื่อ Rollover Image ปรากฏหน้าต่างใหม่ให้เลือกรูปภาพที่จะแทรกเมื่อเลือกรูปภาพแล้วถ้าหากภาพมีขนาดใหญ่จะมีหน้าต่างให้ Crop รูปภาพ .ให้ได้ขนาดพอดีกับพื้นที่ที่กำหนด ถ้าเลือก Resize จะทำให้ขนาดของภาพปรับลดขนาดลงให้พอดีกับพื้นที่กำหนด

การทำ Click Box

Click Box เป็นการทำที่เกี่ยวกับภาพและคำถามที่เกี่ยวข้องกับภาพเพื่อเป็นการฝึกให้นักเรียนทดลองทำหลังจากที่เรียนผ่านไป โดยการคลิกที่ภาพตามคำถามที่กำหนดให้ มีขั้นตอนในการสร้างดังนี้

1. แทรกรูปภาพที่ต้องการทดสอบความรู้ของนักเรียน ด้วยไอคอน Image

2. แทรกคำถามด้วยไอคอน Caption

3. เลือกไอคอน Click Box บนจอภาพจะเกิดกรอบโต้ตอบ

4. ปรับตำแหน่งที่ต้องการให้คลิกเมาส์ที่ที่ตำแหน่งที่ถูกต้อง

5. เปลี่ยน Type success text here โดยดับเบิลคลิก แล้วเป็น ถูกต้อง

6. เปลี่ยน Type failure text hereโดยดับเบิลคลิก แล้วเป็น ผิดให้ตอบใหม่

7. แทรก Bottom ควบคุม

8. จัด Time Line ให้เหมาะสม

การแทรกแบบทดสอบ

คลิกเมนู insert, Slide จะปรากฏหน้าต่าง Question Slide รูปแบบการ Question Slide

รูปแบบการ Question Slideชนิดของแบบทดสอบที่โปรแกรมกำหนดให้มีหลายรูปแบบสามารถที่เลือกได้ตามความเหมาะสมในการสร้างบทเรียน เมื่อเลือกแบบทดสอบแล้วให้กดปุ่มสร้างแบบทดสอบ ก็จะได้หน้าต่างใหม่สำหรับสร้างแบบทดสอบดังนี้

การกำหนดรายละเอียดข้อสอบเพื่อนำออกไปใช้ประโยชน์ต่อไปการส่งออก (Publish) ไฟล์ *.CP

1. เปิดไฟล์ *.CP ที่เคยสร้างไว แล้ว

2. คลิกเมนู File, Publish จะปรากฏหน้าต่าง Publish รูปแบบการ Publishตัวอย่างนี้เลือก Publish เป็น Flash (SWF)และ HTML หลังจากที่ Publish ก็จะได้ ไฟล์ 2 ไฟล์ คือ.SWF กับ .HTML Flash (SWF) ส่งออกเป็น Flash movie File (.swf) สำหรับใช้งานบนเว็บไซต์ Adobe Connect Enterprise ส่งออก Online บนอินเทอร์เน็ตStandalone ส่งออกเป็นไฟล์ *.exe สำหรับสื่อเรียนรู เปิดดูได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม E-Mailส่งออกเป็น E-MailPrint ส่งออกเป็นใบปลิว (ส่งออกโปรแกรม Microsoft Word) FTP ส่งออกเป็น File Transfer ProtocalOutput OptionsZip File ส่งออกเป็นไฟล์ *.ZIP ซึ่งสามารถนำเข้าบทเรียนออนไลน์ใน Moodle ในรูปแบบ ScromFull screen ส่งออกแบบเต็มจอภาพ เมื่อเลือกเพิ่มExport HTML ส่งออกเป็นไฟล์ *.HTML จะได้ทั้งไฟล์ที่เป็น .SWF กับ .HTMLGenerate autorun for CD สร้างระบบ autorun สำหรับแผ่น CDFlash Version เป็นการเลือกรุ นของโปรแกรมเล่นไฟล์ FlashProject Informationโดยเลือก Preferences สำหรับตั้งค่าต่างก่อนที่จะนำออกไป จะปรากฏหน้าต่างใหม่ให้ตั้งค่าPreferences แสดงข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ที่ส่งออก เช่น ขนาดของการแสดงผล (Resolution), จำนวนสไลด์ทั้งหมด (Slides), การใส่เสียงประกอบสไลด์ (Slide with audio) คุณภาพของเสียง (Audio Quality),e-learning Output, แถบควบคุม Movie (Playback Control) Preferences… การกำหนดรูปแบบการส่งออกเพิ่มเติมStandalone ส่งออกเป็นไฟล์ *.exeในการสร้างสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบที่เป็นลักษณะคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพื่อที่จะให้นักเรียนนักศึกษาสามารถที่จะนำไปศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วยตนเอง มีขั้นตอนการสร้างดังนี้

1. เลือกเครื่องมือ Publish แล้วเลือก Standalone เมื่อทำเสร็จสามารถที่ใช้งานได้เลยโดยเลือกเปิดเล่นจากไฟล์ที่สร้างขึ้นมา

2. ทำเหมือนกันทุกๆ หน่วย หรือที่มีอยู่จนหมดทุกงาน เพื่อที่จะสร้างเมนูสำหรับใช้งานให้ได้งานทั้งหมด

3. เลือกเมนู File แล้วทำภาพ

4. จะได้หน้าต่างใหม่ดังภาพแล้วทำตามได้เลย

5. เลือกรูปแบบเมนู

6. สร้างเมนูที่หน้าแรกของงานที่นำเสนอ

7. จะได้หน้าต่างสำหรับตั้งชื่อแผ่นซีดี แล้วก็กด Finish

8. จะได้หน้าต่างสำหรับปรับแต่งเมนูให้เหมาะสม

9. เมื่อปรับแต่งเสร็จให้เลือกเครื่องมือ Export เพื่อนำไปใช้งานจริง

10. เมื่อเกิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาให้ตั้งชื่อและเลือก Folder ที่จะบันทึก แล้วกด Finish

11. จากนั้นให้ทดลองทดสอบว่างานที่ทำเสร็จสามารถใช้งานได้หรือไม่

12. เมื่อตรวจสอบแล้วก็ให้นำงานทั้งหมดใน Folder นั้น เขียนลงในแผ่นซีดีเพื่อนำไปใช้งานจริง

การบันทึกเพื่อนำไปใช้กับ Moodle

แต่ถ้าต้องการนำเข้าในโปรแกรม Moodle เพื่อสร้างบทเรียนออนไลน์ ในลักษณะที่เป็น Scormจะต้องเสร็จค่าให้เป็น Scorm ด้วยตามภาพ และเลือก Publish ให้ Zip files

เมื่อกำหนดค่าหมดแล้ว ก็กด Publish โปรแกรมจะทำการบันทึกไฟล์ตามรูปแบบที่กำหนดเมื่อ Publish เสร็จสามารถที่ดูงานที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ได้โดยกดปุ่ม View Output งานที่เสร็จนั้นก็จะแสดงผลให้ดูได้เลยการนำบทเรียนที่สำเร็จใช้ร่วมกับ โปรแกรม Moodle เพื่อเป็น E_learningสามารถที่จะทำได้โดยเปิดบทเรียน E_learning ที่สร้างไว้ก่อนแล้วได้ตามขั้นตอนดังนี้

1. เปิด Internet Explorer หรือตัวไหนก็ได้ที่สามารถเข้าอินเตอร์เนตได้

2. เลือกรายวิชาที่จะสร้างบทเรียนแล้วเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ที่สามารถแก้ไขงานได้

3. เข้ารายวิชาแล้วให้เริ่มแก้ไขงาน

4. เลือกเพิ่มแหล่งข้อมูล เลือกแบบลิงค์ไฟล์หรือเว็บไซด์

5. จะมีหน้าต่างใหม่ให้เลือก

6. เลือกหรืออัพโหลดไฟล์ เพื่อนำไฟล์ที่สร้างเสร็จแล้วเข้ามาใช้งาน

7. จะได้หน้าต่างใหม่ให้เลือกไฟล์เข้ามาได้

8. เมื่อเลือกอัพโหลดไฟล์นี้จะได้หน้าให้เลือกไฟล์

9. จะกลับมาที่หน้าให้บันทึกการเปลี่ยนแปลง

10. เมื่อบันทึกเสร็จก็สามารถที่จะแสดงผลงานผ่านหน้าเว็บไซด์ได้เลยโดยคลิกที่ชื่อของงานเมื่อเสร็จแล้วสามารถที่จะเพิ่มบทเรียนอื่นในทำนองเดียวกัน แต่ถ้าหากบทเรียนมีบททดสอบด้วยให้ใช้วิธีนำเข้าโดยการเพิ่มกิจกรรมแล้วเลือก Scrom :ขั้นตอนการนำเข้าคล้ายๆ กัน

[PDF] คู่มือการใช้ADOBE CAPTIVATE 3

รูปแบบไฟล์: PDF/Adobe Acrobat - แสดงเป็นแบบ HTMLคลิกที่Start,Programs, Adobe, Adobe Captivate 3 ... เหมาะสําหรับสอนการใช้โปรแกรม คอมพิวเตอร์ทั้งนี้สามารถบันทึกเสียงบรรยายไปพร้อมกันได้ด้วย ...www.ccat.ac.th/data/Captivate.pdf - หน้าที่คล้ายกัน

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

VM Ware

VM Ware คืออะไร?
VMWare VWare คืออะไร? M โปรแกรม VMWare เป็นโปรแกรมที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อสร้างคอมพิวเตอร์เสมือน (Virtual Machine) ขึ้นบนระบบปฏิบัติการเดิมที่มีอยู่ ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ลงระบบปฏิบัติการ Windows XP อยู่เดิม แล้วทำการลงระบบปฏิบัติการ Windows NT ผ่านโปรแกรม VMWare อีกทีหนึ่ง ซึ่งเมื่อลงแล้ว ทั้งสองระบบสามารถทำงานพร้อมกันได้โดยแยกจากกันค่อนข้างเด็ดขาด (เสมือนเป็นคนละเครื่อง) โดยคอมพิวเตอร์เสมือนที่สร้างขึ้นมานั้น จะมีสภาพแวดล้อมเหมือนกับคอมพิวเตอร์จริงๆ เครื่องหนึ่ง ซึ่งจะประกอบด้วย พื้นที่ดิสก์ที่ใช้ร่วมกับพื้นที่ดิสก์ของเครื่องนั้นๆ การ์ดแสดงผล การ์ดเน็ตเวิร์ก พื้นที่หน่วยความจำซึ่งจะแบ่งการทำงานมาจากหน่วยความจำของเครื่องนั้นๆ เช่นกัน ปัจจุบันโปรแกรม VMWare มีเวอร์ชันทั้งสำหรับการทำงานบน Windows และ Linux หากเครื่องท่านเป็น Windows ก็สามารถลองเวอร์ชันสำหรับ Windows ได้ โดยท่านสามารถเข้าไปโหลดโปรแกรมมาทดลองใช้งานได้ที่

http://www.softpedia.com/get/System/OS-Enhancements/VMware-Workstation.shtml

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551

คำสั่ง

คำสั่ง
man เป็นคำสั่งการแสดงอธิบายการใช้คำสั่ง
alias ใช้เป็นคำสั่งให้สั้นลง
cal ใช้แสดงปฏิทินของระบบ
clear คำสั่งลบข้อความต่างๆบนหน้าจอ
cmp เปรียบเทียบไฟล์ 2 ไฟล์
cat มีค่าเหมือนคำสั่ง type ของ bos ใช้ดูข้อมูลในไฟล์
cut ใช้ตัดtex หรือข้อความ
date ใช้แสดงเวลาและวันที่
diff ใช้เปรียบเทียบไฟล์ 2 ไฟล์มีความคล้ายต่างหันอย่างไร
echo ใช้แสดงข้อความ HELLO
exit ออกจากระบบ UNIX
exipr ประมวลค่าจากสูตรคณิตศาสตร์
find ใช้ค้นหาไฟล์ที่ต้องการ
finger ใช้สำหรับแสดงรายละเอียด
grep เป็นคำสั่งที่ใชหาข้อความในไฟล์
head จะแสดงส่วนห้วแฟ้มข้อมูล
move คำสั่งที่ช่วยให้สามารถดูข้อมูลที่มีขนาดได้เป็นช่วงๆ
less เป็ไฟล์ข้อความเพื่อดูรายละเอียดอย่างรวดเร็ว
passwd เป็น password คนที่ทำงานปัจจุบัน
sort ใช้จัดเรียงข้อมูลนั้นเป็นการช่วยให้ผู้ดูแลข้อมูลนั้นสะดวกขึ้น
su เพื่อให้ระบบมีความปลอดภัยมากขึ้นกำหนดให้ user คนไหนบ้าง
tail ใช้สำหรับดูข้อมูลที่บรรทัดล่างสุดของไฟล์
touch เป็นการสร้างไฟล์ไหม่หรือแก้ไขไฟล์
w เป็นคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดค่าที่ 8 บิต
whoami เป็นคำสั่งที่แสดงว่าผู้ใช้ logni เข้าสู่ระบบ
who เปลี่ยนตัวเองเป็น root
which ใช้ส่งข้อมูลทางเดียวจากผู้เขียนไปถึงผู้รับ
whereis ค้นหาแฟ้มที่ต้องการว่าอยู่ที่ห้องใด

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551

แหล่งทรัพยากร ของUNIX

ภาพนิ่ง 1รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTMLUnix เป็นระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กับแพร่หลายบนระบบขนาดใหญ่ ... Unix เป็นระบบ ปฏิบัติการแบบ Multi User และMulti Tasking ซึ่งแตกต่างจาก Window ...www.csweb.sru.ac.th/~seksan/Unix.ppt - หน้าที่คล้ายกัน

อานันท์ สีห์พิทักษ์เกียรติรูปแบบไฟล์: PDF/Adobe Acrobat - แสดงเป็นแบบ HTMLtemp: directory. unix.ppt: data. unixbig.ppt: data. vbrun300.dl_: data ..... - rwxr-xr-x. 1 arnan. users 45270 Jan 11 13:01 unix.ppt* ...www.spu.ac.th/forum/vishakan/unix.pdf - หน้าที่คล้ายกันUNIXรูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTMLAT&T แจก Code ของ UNIX ไปให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อหวังให้เป็นที่นิยมมากขึ้น แต่กลับทำให้เกิด UNIX ตัวใหม่ขึ้นมาเรียกว่า BSD UNIX (Berkeley Software ...www.compsci.buu.ac.th/~jakkaman/C_Programming/week01(18%20June%2001)/Unix.ppt - หน้าที่คล้ายกันSlide 1รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTMLระบบปฏิบัติการ UNIX มีต้นกำเนิดจากห้องปฏิบัติการวิจัย Bell ... 1978 Version 7 ก็ ถูกพัฒนาออกมา ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบ UNIX รุ่นใหม่ๆ หลังจากนั้นAT&T ...202.28.94.51/users/apisak/322361/2548/Test_Assign_Page.files/Data_REPORT/Group11_OS_Support/group11.ppt - หน้าที่คล้ายกันUnix-doc <>UNIX อนุญาตให้ผู้ใช้ รู้การทำงานของซีพียูว่ามีงานอะไรวิ่งอยู่ งานเหล่านี้ถูก เรียกว่า โปรเซส (process) นี่เป็นข้อดีที่UNIX มีเหนือวินโดส์ 95 และ ...wiki.nectec.or.th/ntl/Main/Unix-doc - 26k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
ภาพนิ่ง 1รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTMLยูนิกซ์ (Unix แต่ชื่อตามเครื่องหมายการค้าคือ UNIX)เป็นระบบปฏิบัติการ ... 1982 AT&T นำยูนิกซ์ 7 มาพัฒนาและออกขายในชื่อ Unix System III แต่บริษัทลูก ...eclassnet.kku.ac.th/etraining/file/1220294266-unix.ppt - หน้าที่คล้ายกัน

ตอบคำถาม ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ unix

ตอบคำถามความรู้เบื้องต้นเกื่ยวกับ unix

1.ความเป็นมาของ UNIX
ระบบปฏิบัติการ Unix
ระบบปฏิบัติการ UNIX มีต้นกำเนิดจากห้องปฏิบัติการวิจัย Bell ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Ken Thompson และ Dennis Ritchie ปี พ.ศ. 2512 โดยมีที่มาคร่าวๆ คือสถาบัน MIT (Massascusetts Institute of Technology), ห้องปฏิบัติการวิจัย AT&T Bell Labs และบริษัท GE (General Electric) ร่วมกันพัฒนาโครงการ Multics ในปี 1960 เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับ Mainframe Computer รุ่น GE 635 แต่เกิดปัญหาหลายประการ จนกระทั่ง Bell Labs ได้ลาออกจากโครงการ แต่โครงการก็ยังดำเนินการต่อโดย Ken Thompson และ Dennis Ritchie ซึ่งทำงานกับ Bell Labs พร้อมๆ กันไปด้วยต่อมา Ken & Dennis ได้ร่วมกันพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ เพื่อทำงานบนเครื่อง PDP-7 และใช้ชื่อว่าระบบปฏิบัติการ UNIX เพื่อให้ออกเสียงใกล้เคียงกับระบบ Multics ดังนั้นต้นกำเนิดของ UNIX ก็คือ Multics นั่นเอง หลังจากนั้นทั้งสองได้พัฒนามาเป็น Version 2 เพื่อทำงานบนเครื่องรุ่น PDP-11/20 โดยใช้ภาษา Assembly และได้พัฒนาปรับปรุงด้วยภาษา C และเผยแพร่ไปสู่มหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วย Version 6 ในปี ค.ศ. 1976ในปี ค.ศ. 1978 Version 7 ก็ถูกพัฒนาออกมา ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบ UNIX รุ่นใหม่ๆ หลังจากนั้น AT&T ซึ่งเป็นองค์กรแม่ของ Bell Labs ได้เป็นผู้รับผิดชอบ และควบคุมการออกตัวระบบปฏิบัติการ UNIX ดังนั้น UNIX จึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ แทนที่จะเป็นเครื่องมือวิจัย AT&T ได้พัฒนา UNIX ออกมาใช้งานภายนอก ภายใต้ชื่อ System III ในปี 1982 และปี 1983 ก็ออก System V และพัฒนามาเรื่อยๆ จนได้รับความนิยมในปัจจุบัน
http://learners.in.th/blog/utraaom/34131

2.คุณสมบัติ UNIX
•Software Tool–โปรแกรมบน UNIX จะแบ่งตัวเองออกเป็นส่วนย่อยๆ และสามารถใช้งานส่วนย่อยเหล่านั้นร่วมกัน ระหว่างหลายๆ โปรแกรมได้ •Portability–เนื่องจาก UNIX สามารถนำไปใช้กับเครื่องแบบต่างๆ ได้มากมาย โปรแกรมที่ใช้งานบน UNIX จะสามารถนำไปใช้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน•Flexibility–UNIX มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง สามารถนำไปใช้กับงานเล็กๆ หรืองานใหญ่ๆ ก็ได้ •Power–สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ดี และมีความสามารถในด้านต่างๆ มากกว่าระบบปฏิบัติการอื่นๆ•Multi-user & multitasking–สามารถมีผู้ใช้งานได้ทีละหลายๆคน และทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน•Elegance–หลักการทำงานของส่วนต่างๆ จะเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ทำงานส่วนหนึ่งได้ ก็จะเรียนรู้และใช้งานส่วนอื่นๆ ได้ง่าย •Network Orientation–UNIX เป็นระบบปฏิบัติการที่สนับสนุนการใช้งานเครือข่าย โดยเฉพาะเครือข่าย TCP/IP ซึ่งใช้ในระบบ Internet
http://www.compsci.buu.ac.th/~jakkaman/C_Programming/week01(18%20June%2001)/Unix.ppt

3.โครงสร้าง UNIX
โครงสร้างของระบบปฏิบัติการ Unix นั้น สามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับด้วยกัน คือ1.ฮาร์ดแวร์ ทุกคนก็คงรู้จักกันแล้วว่ามันคือ อุปกรณ์ที่สามารถจับต้องได้นั่นเอง2.ยูนิกซ์ เคอเนล จะทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบ ได้แก่ การจัดสรรทรัพยากร การจัดการกับข้อมูลต่างๆ ซึ่งส่วนประกอบตัวนี้จะขึ้นอยู่กับฮาร์แวร์ หากมีการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์ เคอเนลก็จะเปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ3.เซลล์ เป็นตัวกลางระหว่างคอมพิวเตอร์และผู้ใช้ คือ นำคำสั่งจากผู้ใช้ไปแปลเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ เรียกว่า command interpreter เซลล์ที่ใช้งานกันก็มีหลายแบบ แต่ที่เป็นที่นิยม ได้แก่>Bourne shell (sh) เป็นเซลล์ต้นแบบของทุกเซลล์>C shell (csh) พัฒนาหลังจาก Bourne shell แต่สามารถเก็บข้อมูลคำสั่งที่เคยใช้ได้>Korn shell (ksh) เป็นเซลล์ที่นำคุณสมบัติเด่นของ Bourne shell และ C shell มารวมกัน>Bourne again shell (bash) มีลักษณะคล้าย Korn shell และสร้างขึ้นมาให้มีการใช้ฟรี ซึ่งระบบปฏิบัติการ Linux ก็นำมาใช้ด้วยเช่นกัน4.โปรแกรมประยุกต์ โปรแกรมที่ใช้งานเพิ่มเติม
http://learners.in.th/blog/os-bow/2990

4.Shell UNIX
Shel คือโปรแกรมโปรแกรมหนึ่งบน unix ที่ทำหน้าที่ interface ระหว่าง user กับ unix(kernel) user จะสามารถสั่งงาน unix ได้โดยผ่าน shell เท่านั้นไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ทางตรงก็คือ user สั่งงาน shell ให้ไปสั่งงาน kernel เลย เช่น internal command ส่วนทางอ้อมคือ user สั่งงานให้ shell ไป execute application ให้ไปสั่งงาน kernel อีกทีหนึ่ง โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็น shell มีอยู่หลายตัว แต่ที่นิยมใช้กันอยู่ใน ปัจจุบันมีดังต่อไปนี้Bourne shell (/bin/sh) เป็น shell ในยุคแรกๆ ที่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย และเป็น starndard shell ที่มีใน unix ทุกตัว ทำให้สามารถย้าย shell script ที่เป็น bourne shell ไปยัง unix ระบบอื่นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรเลย แต่มีข้อเสียคือขาด funciton ในการทำ job control จะมี default prompt เป็น "$"C shell (/bin/csh) เป็น shell ที่พัฒนาขึ้นมาหลังจาก bourne shell โดยมีโครงสร้างของ syntax และ control structures คล้ายกับภาษา C มี function การทำงานหลายอย่างที่ดีและสะดวกกว่า bourne shell เช่น มีความสามารถในการเรียกคำสั่งที่ใช้ไปแล้ว และเป็น shell ตัวแรกที่สามารถทำ jobs control ได้ แต่มีข้อเสียคือ ทำงานกับ shell script ของ bourne shell ไม่ได้ โดยปรกติ default prompt จะเป็น "%"Korn shell (/bin/ksh) เป็น shell ที่พัฒนาขึ้นมาโดยสามารถทำงานใน function ของ bourne shell (super set ของ bourne shell) ได้ทุกอย่างและยังเพิ่มความสามารถในการทำ jobs control ขึ้นมา การ เขียน shell script ทำได้ง่ายและรัดกุมขึ้น สามารถเรียกคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้วมาแก้ไขแล้ว execute ไปใหม่ได้ สรุปว่าเป็น shell ที่รวมเอาข้อดีของ bourne shell และ c shell ไว้ด้วยกัน แต่ไม่ได้มีใน unix ทุกตัว korn shell จะมีขนาดใหญ่กว่า shell อื่น ๆ default prompt จะเป็น "$"Bourne Again shell (/usr/local/bin/bash หรือ /bin/bash) เป็นการนำเอา bourne shell กลับมาพัฒนาใหม่ ให้สามารถทำ command line editing ได้ และทำ jobs control ได้ และยังได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้พิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง bash shell นี้ไม่ใช่ standard unix shell แต่ปัจจุบันกลายเป็น default shell ของ linux จะมี default prompt เป็น $
http://tulip.bu.ac.th/~nattakorn.c/shell_env.php


5.ระบบไฟล์และไดเร็กทอรี UNIX
UNIX มองทุกอย่างเป็นไฟล์หมด แม้แต่หน่วยความจำ (/dev/mem) ซีดีรอม (/dev/cdrom) เม้าส์ (dev/mouse) โมเด็ม (/dev/modem) ระบบไฟล์และไดเรคทอรีบนUNIX มีโครงสร้างแบบต้นไม้ (tree structure) โดยไดเรคทอรีนอกสุด คือ ไดเรคทอรีราก (root directory) ใช้ / เป็นตัวแทนครับ ซึ่งก็จะมีไดเรคทอรีย่อยแตกแขนง ออกไปอีกเช่น/usr /local /lib /etc /binในแต่ละไดเรคทอรีบรรจุไฟล์และไดเรคทอรีย่อยลงไปอีกเช่นใน /usr จะมี local binชื่อไดเรคทอรีแบบนี้จะมีความหมาย ก็ต่อเมื่อ เรารู้ว่าไดเรคทอรีนอกก่อนคืออะไร วิธีเรียกชื่อแบบนี้ถูกเรียกว่า relative pathname แต่ถ้าหากเราใช้ /usr/local หรือ /usr/bin แทน local หรือ bin เราก็จะทราบโครงสร้าง tree structure ที่แท้จริงของไดเรคทอรีนี้ วิธีการเรียกแบบนี้เรียก absolute pathname ไดเรคทอรีที่ผู้ใช้ล็อกอินเข้าไปเรียกว่า home directory ซึ่งก็ขึ้นกับผู้บริหารระบบว่าจะให้ไปอยู่ทีไหน
http://wiki.nectec.or.th/ntl/Main/Unix-doc

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

คำอธิบายรายวิชา ระบบปฏิบัติการ 2 และ e-learning

4121402 ระบบปฏิบัติการ 2 (Operating Systems 2 )ศึกษาหน้าที่และการดำเนินงานของระบบปฏิบัติการ เกี่ยวกับจัดการหน่วยความจำ หน่วยประมวลผลกลาง การจัดแฟ้มข้อมูล หน่วยรับและแสดงผลข้อมูลในลักษณะของผู้ใช้คนเดียว งานเดียว และใช้หลายคนหลายงานพร้อมกัน รวมทั้งการสื่อสารระหว่างขบวนการ (Interprocess Communication : IPC)
URL Website
http://mis.pkru.ac.th/syllabus/view_syllabus.php?id=61 http://202.29.21.6/~bangkom/bindex.htm http://academic.pcru.ac.th/index/course/7_12.htm http://cs.mcru.ac.th/modules.php?name=History&file=explain http://cptd.chandra.ac.th/index.php?Content=subject47 http://www.nsru.ac.th/computer/curriculum/subject.php?id=4121402&course_id=3
http://reg.nida.ac.th/registrar/program_info_1.asp?f_cmd=2&levelid=23&programid=10000314&facultyid=4&departmentname=%BB%C3%D1%AA%AD%D2%B4%D8%C9%AE%D5%BA%D1%B3%B1%D4%B5+(%C7%D4%B7%C2%D2%A1%D2%C3%A4%CD%C1%BE%D4%C7%E0%B5%CD%C3%EC)&programname=%BB%C3%D1%AA%AD%D2%#current
http://www.yonok.ac.th/burin/os/os00.htm
http://202.143.169.83/moodle/course/info.php?id=16
http://tabian.kpru.ac.th/cur/cur2.asp?Code=4122402ที่มาจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ มรภ.หมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม มหาวิทยาลัย ราชภัฏนครสวรรค์สถาบันบัณฑิตบริหารศาสตร์มหาวิทยาลัยโยนกวิทยาลัยสารพัดช่างอุทัยธานีมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร

คำอธิบายรายวิชาและ e-learning

รหัสวิชา
4121402
ชื่อวิชาภาษาไทย
ระบบปฏิบัติการ 2
ชื่อวิชาภาษาอังกฤษ
Operating Systems 2
คำอธิบายรายวิชา
ศึกษาหน้าที่และการดำเนินงานของระบบปฏิบัติการ เกี่ยวกับจัดการหน่วยความจำ หน่วยประมวลผลกลาง การจัดแฟ้มข้อมูล หน่วยรับและแสดงผลข้อมูลในลักษณะของผู้ใช้คนเดียว งานเดียว และใช้หลายคนหลายงานพร้อมกัน รวมทั้งการสื่อสารระหว่างขบวนการ (Interprocess Communication : IPC)

แนะนำตัวเอง

รหัสนักศึกษา 5012252114
ชื่อ นายสมปอง ทองเสก
ชื่อเล่น เบิร์ด

เพื่อนสนิท
วีระชัย รุ่งคำ 0843942712
วิทยา ศิรินัย 085396109

URL blog thongsek.blogspot.com
http://www.geocities.com/thongseksompong
EMAIL: bird_nouvo@hotmail.com
เบอร์โทรศัพท์: 0862486905